ในคนที่เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรม ผิวหนังจะไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ ทำให้น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวระเหยออกมา ผิวหนังกลายเป็นเหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้ง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ พอฤดูหนาวมาเยือน ผิวพรรณจะแห้งแตกเหมือนลายงา มองเห็นชัดเจนกว่าฤดูอื่นๆ โดยเฉพาะตรงบริเวณหน้าแข้ง
ส่วนลักษณะเด่นอื่นๆ ของคนที่เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรม คือ มีเส้นลายมือที่ชัดเจน มีส้นเท้าแตก มีตุ่มเหมือนขนคุดขึ้นบริเวณต้นแขน ขณะที่บางคนอาจเป็นโรคภูมิแพ้ร่วมด้วย
ฤดูหนาวนี้ คนที่มีผิวแห้งหรือเป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรม ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด อาบน้ำพอประมาณ ไม่อาบนานจนเกินไป อย่าอาบน้ำอุ่นจัด ใช้สบู่ถูตัวให้น้อยลง ถ้าผิวแห้งมากๆ ไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องทาครีม โลชั่น น้ำมันมะกอก ขี้ผึ้ง วาสลีน แต่หลายคนอาจไม่ชอบเพราะเหนอะหนะโดยเฉพาะในตอนกลางวัน ก็แนะนำให้ทาก่อนนอนแทน
ที่บอกว่าไม่ควรอาบน้ำอุ่น หรือใช้สบู่ฟอกตัวจนเป็นฟองมากๆ เพราะจะไปชะล้างน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวออกไปหมด ยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น พอผิวแห้งมาก ก็จะรู้สึกคัน พอคันก็จะอาบน้ำบ่อย ตอนที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ อาจจะรู้สึกหายคัน เนื่องจากตอนอาบน้ำจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง แต่ผิวหนังไม่สามารถจะเก็บน้ำได้ สักพักจะระเหยไป
หลายคนเชื่อว่าการดื่มน้ำมากๆ จะยิ่งทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก? รศ.พญ.พรทิพย์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ดื่มน้ำมากก็ยิ่งปัสสาวะออกมาก ขอเรียนว่า ผิวหนังที่แห้ง ไม่ได้แห้งเพราะขาดน้ำ แต่เป็นเพราะหนังชั้นขี้ไคลเสื่อม ไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ ทำให้แผ่นผิวหนังขี้ไคลที่ควรจะเรียบ แห้งแตก ดังนั้น ไม่ว่าจะดื่มน้ำในปริมาณมากเพียงใด ก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้
ส่วนปัญหาริมฝีปากแตกนั้น รศ.พญ. พรทิพย์ อธิบายว่า อาจมีสาเหตุมาจากผิวแห้ง เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรมอยู่แล้ว ซึ่งการเลียริมฝีปากบ่อยๆ จะทำให้ปากแห้งแตกได้ สาเหตุของปากแตกอีกอย่างหนึ่ง คือ เกิดจากการระคายเคืองสารเคมี ที่มีอยู่ในยาสีฟัน หรือน้ำยาบ้วนปาก ถ้าใช้ยาสีฟันมากไปก็ทำให้ริมฝีปากแห้งได้
กรณีที่ปากแตกจากผิวแห้งก็อาจใช้ขี้ผึ้ง หรือวาสลีนทา แต่ถ้ามีสาเหตุจากสารเคมีก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง เช่น ใช้ยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสม ไม่แปรงฟันนานจนเกินไป